ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

แมรีแห่งเทก สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร

สมเด็จพระราชินีแมรี หรือแมรีแห่งเทก (วิกตอเรีย แมรี ออกัสตา หลุยส์ โอลกา พอลีน คลอดีน แอ็กเนส; 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2410 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2496) เป็นพระอัครมเหสีในพระเจ้าจอร์จที่ 5 และเป็นจักรพรรดินีแห่งอินเดียและพระราชินีแห่งไอร์แลนด์อีกด้วย ก่อนการเสวยราชย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นดัชเชสแห่งยอร์ก ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ และเจ้าหญิงแห่งเวลส์ มาอย่างต่อเนื่องกัน ตามพระราชสิทธิของพระองค์เอง มีพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงแห่งเทก ในชั้น Serene Highness ในราชอาณาจักรเวือร์ทเทมแบร์ก พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักว่า "เมย์" อย่างไม่เป็นทางการในหมู่พระประยูรญาติ ซึ่งมาจากเดือนประสูติ

หกสัปดาห์ภายหลังจากการหมั้นหมายกับเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์ รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ เจ้าชายสิ้นพระชนม์ด้วยโรคปวดบวม ในปีต่อมาเจ้าหญิงแมรีทรงหมั้นหมายกับรัชทายาทพระองค์ใหม่ พระอนุชาในเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ คือ เจ้าชายจอร์จ ในฐานะสมเด็จพระราชินีอัครมเหสีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 พระองค์ทรงสนับสนุนพระราชสวามีตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เนื่องจากพระพลานามัยที่ไม่สมบูรณ์และการเปลี่ยนแปลงทางการครั้งใหญ่ที่เกิดมาจากผลกระทบหลังสงครามและการอุบัติขึ้นของลัทธิสังคมนิยมและชาตินิยม หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชสวามีเมื่อปี พ.ศ. 2479 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสองค์โตได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี-จักรพรรดิ แต่กลับสร้างความผิดหวังให้กับพระองค์ด้วยการสละราชสมบัติในปีเดียวกันเพื่ออภิเษกกับนางวอลลิส ซิมป์สัน สาวสังคมชาวอเมริกันที่หย่าร้างมาแล้วสองครั้ง พระองค์ทรงสนับสนุนเจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งทรงสืบต่อราชบัลลังก์อังกฤษเป็นสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2495 พระองค์ก็เสด็จสวรรคตในปีต่อมา

ในช่วงเวลาของพระองค์ สมเด็จพระราชินีแมรีทรงเป็นที่รู้จักถึงการกำหนดลีลาให้พระราชวงศ์อังกฤษดำเนินไป ในฐานะที่ทรงเป็นแบบอย่างของความเป็นระเบียบทางการและขนบธรรมเนียมของพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะในงานพระราชพิธีต่าง ๆ พระองค์เป็นสมเด็จพระราชินีมเหสีที่ทรงเข้าร่วมพระราชพิธีราชาภิเษกของทายาทของพระองค์ นอกจากนั้นพระองค์ที่ยังทรงเป็นที่รู้จักถึงการประดับเพชรพลอยในงานพิธีทางการต่าง ๆ ทรงทิ้งชุดเครื่องเพชรต่างๆ ซึ่งถือว่าประเมินค่ามิได้ในขณะนี้เอาไว้

เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี ("เมย์") แห่งเท็คประสูติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2410 ณ พระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน พระชนกคือเจ้าชายฟรานซิส ดยุกแห่งเทก พระโอรสในดยุกอเล็กซานเดอร์แห่งเวือร์ทเทมแบร์ก ซึ่งประสูติกับพระชายาจากการอภิเษกสมรสต่างฐานันดรศักดิ์ (morganatic) คือ เคาน์เตสคลอดีน เรดีย์ ฟอน คิส-เรเดอ (ได้รับการสถาปนาเป็น เคาน์เตสแห่งโฮเอ็นชไตน์ในจักรวรรดิออสเตรีย) ส่วนพระชนนีคือเจ้าหญิงแมรี อเดเลดแห่งแคมบริดจ์ พระธิดาพระองค์ที่สามและพระองค์เล็กในเจ้าชายอดอลฟัส ดยุกแห่งแคมบริดจ์ และ เจ้าหญิงออกัสตาแห่งเฮสส์-คาสเซิล เจ้าหญิงทรงเข้าพิธีบัพติศมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2410 ณ โบสถ์หลวง พระราชวังเคนซิงตัน จากชาร์ลส์ โธมัส ลองเลย์ อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี โดยได้มีพระบิดาและพระมารดาทูนหัวคือ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย เจ้าชายแห่งเวลส์ (สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และพระสัสสุระของเจ้าหญิงเมย์) แกรนด์ดัชเชสแห่งเมคเลนบูร์ก-ชเตรลิตซ์ และ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

แม้พระชนนีของพระองค์จะเป็นพระราชนัดดาในพระเจ้าจอร์จที่ 3 แต่เจ้าหญิงเมย์ทรงเป็นเพียงเชื้อพระราชวงศ์ชั้นรองของพระราชวงศ์อังกฤษ ดยุกแห่งเทก พระชนกของพระองค์เป็นพระโอรสจากการอภิเษกสมรสต่างฐานันดรศักดิ์ มิทรงมีสิทธิในมรดกหรือทรัพย์สินใด ๆ ทั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศชั้นเล็กอย่าง Serene Highness อย่างไรก็ตาม ดัชเชสแห่งเทกทรงได้รับเบี้ยหวัดประจำปีจากรัฐสภาจำนวนห้าพันปอนด์ อีกทั้งยังทรงได้รับอีกสี่พันปอนด์ต่อปีจากดัชเชสแห่งแคมบริดจ์ พระชนนีอีกด้วย แม้กระนั้นครอบครัวยังคงมีหนี้สินมากและถูกบังคับให้อาศัยอยู่ต่างแดนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2446 เพื่อประหยัดการใช้จ่าย ครอบครัวเท็คได้เดินทางท่องไปทั่วทวีปยุโรป เพื่อเยี่ยมเยี่ยนพระประยูรญาติและพำนักอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลีในช่วงระยะหนึ่ง เจ้าหญิงเมย์ได้ทรงเพลิดเพลินกับการเสด็จยังสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ โบสถ์วิหาร และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ

ในปี พ.ศ. 2428 ครอบครัวเท็คกลับมายังกรุงลอนดอนและได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตำหนักขาว ในราชอุทยานริชมอนด์เป็นที่พักอาศัย เจ้าหญิงเมย์ทรงสนิทสนมกับพระชนนีและทรงทำหน้าที่เป็นเลขนุการอย่างไม่เป็นการ โดยทรงช่วยเหลือในการจัดเลี้ยงสังสรรค์และงานสังคมต่างๆ นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงสนิทสนมกับแกรนด์ดัชเชสแห่งเม็คเล็นบูร์ก-สเตรลิตซ์ (พระอิสริยยศเดิม เจ้าหญิงออกัสตาแห่งเคมบริดจ์) พระมาตุจฉาและเขียนพระหัตถเลขาถึงพระองค์ทุกสัปดาห์มิเคยขาด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดนทรงช่วยเหลือในการส่งจดหมายจากเจ้าหญิงเมย์ถึงพระมาตุจฉา ซึ่งประทับอยู่ในดินแดนของฝ่ายศัตรูในประเทศเยอรมนี จนกระทั่งถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ในปลายปี พ.ศ. 2459

ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2434 เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่ ("เมย์") ได้ทรงหมั้นหมายกับพระญาติชั้นที่สองคือ เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุกแห่งคลาเรนซ์ พระโอรสองค์ใหญ่ในเจ้าชายแห่งเวลส์ พระองค์ทรงได้รับเลือกให้เป็นเจ้าสาวของดยุก เนื่องจากความโปรดปรานในตัวเจ้าหญิงของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเป็นหลัก รวมทั้งบุคลิกที่เข็มแข็งและการรู้ถึงหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ดยุกแห่งคลาเรนซ์ได้สิ้นพระชนม์อีกหกสัปดาห์ต่อมาในโรคระบาดไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งแพร่ระบาดทั่วประเทศอังกฤษในช่วงฤดูหนาวปี พ.ศ. 2434 - 35

ถึงแม้จะเป็นความล้มเหลว สมเด็จพระราชินีนาถก็ยังคงโปรดเจ้าหญิงเมย์ในฐานะผู้ได้รับเลือกอันเหมาะสมที่จะอภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์ในอนาคต และเจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งยอร์ก พระอนุชาในเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ซึ่งตอนนี้ทรงเป็นรัชทายาทในราชบัลลังก์ทรงใกล้ชิดกับเจ้าหญิงเมย์ระหว่างช่วงเวลาของการไว้อาลัยร่วมกันของทั้งสองพระองค์ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2436 เจ้าชายจอร์จทรงขออภิเษกในเวลาอันควรและเจ้าหญิงเมย์ก็ทรงตกลง การอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์นับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง เจ้าหญิงเมย์และเจ้าชายจอร์จทรงรักกันอย่างลึกซึ้งในเวลาไม่นาน เจ้าชายจอร์จไม่ทรงมีสนมลับเลย (เป็นระดับของความซื่อสัตย์ที่ไม่ธรรมดาในยุคนั้น) และทรงเขียนพระหัตถเลขาถึงเจ้าหญิงเมย์อยู่เกือบจะทุกวัน

การอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 ณ โบสถ์หลวง พระราชวังเซนต์เจมส์ ในกรุงลอนดอน และมีพระโอรสและธิดา 6 พระองค์คือ

ภายหลังจากการอภิเษกสมรส เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรีทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงดัชเชสแห่งยอร์ก (HRH The Duchess of York) ดยุกและดัชเชสแห่งยอร์กประทับอยู่ที่ตำหนักยอร์ก ซึ่งเป็นเรือนหลังเล็กในเขตพระราชฐานแซนดริงแฮม ในมณฑลนอร์โฟล์ค ทั้งสองพระองคก็ยังทรงมีห้องชุดในพระราชวังเซนต์เจมส์ กรุงลอนดอนอีกด้วย ตำหนักยอร์คเป็นเรือนที่สมถะสำหรับเชื้อพระวงศ์ แต่เป็นที่โปรดปรานของเจ้าชายจอร์จ ซึ่งโปรดชีวิตแบบเรียบง่าย ทั้งสองพระองค์ได้ประทับร่วมกับพระโอรสและธิดาหกพระองค์คือ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายอัลเบิร์ต เจ้าหญิงแมรี เจ้าชายเฮนรี เจ้าชายจอร์จ และเจ้าชายจอห์น

ดัชเชสทรงทุ่มเทให้กับพระโอรสและธิดามาก แต่ทรงให้อยู่ในความดูแลของพระพี่เลี้ยง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของครอบครัวระดับสูงในสมัยนั้น พระพี่เลี้ยงคนแรกโดนไล่ออกจากความไร้มารยาท และคนที่สองถูกจับได้ว่าทารุณข่มเหงพระโอรสและพระธิดา พระพี่เลี้ยงจะหยิกเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก่อนที่นำพระองค์ไปเฝ้าดยุกและดัชเชส โดยทำให้ทรงกันแสงอย่างจงใจเพื่อจะได้เสด็จกลับมากับเธอโดยเร็ว เธอก็โดนไล่ออกเช่นกัน และมีผู้ช่วยคนใหม่ที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่รักอย่างมากมาแทนคือ นางบิลล์

ประวัติศาสตร์ได้จดจำสมเด็จพระราชินีแมรีในฐานะพระชนนีที่เฉยเมย พระองค์มิเคยทรงสังเกตเห็นถึงความละเลยของพระพี่เลี้ยงต่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและเจ้าชายอัลเบิร์ต และเจ้าชายจอห์น พระโอรสองค์เล็กทรงถูกทอดทิ้งอยู่ห่างไกลอยู่ที่พระราชวังแซนดริงแฮม ในความดูแลของนางบิลล์ ดังนั้นสาธารณชนจึงไม่เคยได้เห็นพระโรคลมชักของพระองค์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะทรงมีภาพพจน์ต่อสาธารณชนที่ขึงขังและชีวิตพระส่วนพระองค์ที่เคร่งครัดในศีลธรรม พระองค์ก็เป็นพระชนนีที่เอาใจใส่ในหลายเรื่อง โดยทรงเผยให้เป็นถึงด้านความรักและขี้เล่นต่อพระโอรสและธิดาและทรงสอนประวัติศาสตร์และดนตรีให้กับทุกพระองค์

ในฐานะดยุกและดัชเชสแห่งยอร์ค เจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงเมย์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านสาธารณะมากมาย เมื่อในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2444 สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเสด็จสวรรคตและเจ้าชายอัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด พระสัสสุระของดัชเชสแห่งยอร์ค เสวยราชสมบัติสืบต่อเป็นสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 นับแต่นั้นทั้งสองพระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายดยุกและเจ้าหญิงดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์และยอร์ก (TRH The Duke and Duchess of Cornwall and York) และก็ได้เสด็จประพาสทั่วจักรวรรดิอังกฤษ โดยเสด็จเยือนยิบรอลตาร์ มอลตา อียิปต์ ลังกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มอริเชียส แอฟริกาใต้ และแคนาดาเป็นเวลาแปดเดือน ไม่เคยมีเชื้อพระวงศ์องค์ใดเสด็จต่างประเทศแบบหมายมาดเช่นนี้มาก่อน ดัชเชสทรงกันแสงน้ำพระเนตรหลั่งไหลออกมาเมื่อทรงทราบว่าจะต้องจากพระโอรสและธิดาไป (ทุกพระองค์ทรงอยู่ในความดูแลของพระอัยกาและพระอัยยิกา) เป็นช่วงเวลาอันนาน ในระหว่างการเสด็จประพาส ทั้งสองพระองค์ทรงเปิดวาระการประชุมแรกของรัฐสภาออสเตรเลีย เมื่อเครือรัฐออสเตรเลียได้ก่อตั้งขึ้น

ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444 เก้าวันหลังการเสด็จกลับถึงสหราชอาณาจักรและการเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษาของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 เจ้าชายจอร์จทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายแห่งเวลส์ และเจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่ก็ทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (HRH The Princess of Wales) ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จจากพระราชวังเซนต์เจมส์ไปประทับยังตำหนักมาร์ลโบโร พระราชฐานในกรุงลอนดอน ขณะที่ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระองค์ได้โดยเสด็จพระสวามีไปในการเยือนจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีและราชอาณาจักรเวือร์ทเท็มแบร์กเมื่อปี พ.ศ. 2447 และในปีต่อมาก็มีพระประสูติกาลเจ้าชายจอห์น พระโอรสองค์สุดท้าย ซึ่งเป็นการประสูติที่ยากลำบากและแม้ว่าพระองค์จะทรงฟื้นพระองค์ได้รวดเร็ว แต่พระโอรสองค์ใหม่ก็ทรงทุกข์ทรมานกับปัญหาต่างๆ ที่ที่เกี่ยวกับระบบหายใจ

ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2448 เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์เสด็จประพาสต่างประเทศอีกครั้งเป็นเวลาแปดเดือน ครั้งนี้ก็เป็นการเสด็จประพาสอินเดีย และพระโอรสและธิดาทรงอยู่ในการดูแลของพระอัยกาและพระอัยยิกาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งสองพระองค์ผ่านทางอียิปต์ทั้งขาไปและกลับ โดยขากลับได้เสด็จประพาสประเทศกรีซ ตามมาด้วยการเสด็จเยือนประเทศสเปนเกือบจะทันทีเพื่อไปร่วมงานพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปนและเจ้าหญิงวิกตอเรีย ยูจีนีแห่งแบ็ตเต็นเบิร์ก ซึ่งทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวทรงรอดพ้นจากการลอบปลงพระชนม์ได้อย่างหวุดหวิด อีกครั้งหนึ่งเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากการเสด็จกลับถึงสหราชอาณาจักร ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จยังประเทศนอร์เวย์เพื่อไปร่วมในงานพระราชพธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดีโฮกุนที่ 7 และสมเด็จพระราชินีม้อด (พระขนิษฐาในเจ้าชายจอร์จ)

ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 เสด็จสวรรคตและเจ้าชายแห่งเวลส์ก็เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อ เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรี่จึงได้ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมราชินีแห่งสหราชอาณาจักร พระสวามีซึ่งขณะนี้ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงขอให้พระองค์เลือกใช้หนึ่งในสองพระนามทางการของพระองค์ ดังนั้นเนื่องจากทรงตรองว่ามิควรใช่พระนาม "วิกตอเรีย" จึงได้ทรงเลือกพระนาม "แมรี่" นับแต่นั้นมา สมเด็จพระราชินีแมรี่ทรงเข้าพิธีบรมราชาภิเษกกับพระสวามีเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2454 ณ เวสต์มินส์เตอร์แอบบีย์ กรุงลอนดอน และต่อมาเสด็จเยือนประเทศอินเดีย เพื่อในการเฉลิมฉลองการราชาภิเษกที่กรุงเดลี (Delhi Durbar) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2454 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีเสด็จประพาสทั่วประเทศไปในการเยี่ยมเยียนพสกนิกรใหม่ของพระองค์ในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีของพวกเขา

ในช่วงเริ่มแรกของการเป็นพระมเหสีของสมเด็จพระราชินีแมรี่ ก็ได้เห็นการก่อตัวของความขัดแย้งกับสมเด็จพระราชินีอเล็กซานดรา พระพันปีหลวง แม้ว่าทั้งสองพระองค์จะทรงเป็นมิตรและสนิทสนมกัน แต่พระราชินีอเล็กซานยังทรงดื้อรั้นในหลายเรื่อง พระองค์มีพระประสงค์ลำดับก่อนหน้าสมเด็จพระราชินีแมรี่ในงานพระบรมศพของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ทรงรั้งรอการเสด็จออกจากพระราชบัคกิ้งแฮม และทรงเก็บงำเครื่องเพชรประจำราชวงศ์ต่างๆ ที่ควรจะตกทอดมายังสมเด็จพระราชินีองค์ใหม่ไว้

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สมเด็จพระราชินีแมรี่ทรงดำเนินการผลักดันความอดอยากที่พระราชวังบักกิงแฮม ด้วยการแบ่งปันอาหาร และเสด็จเยียมเยียนทหารที่บาดเจ็บและใกล้ตายในโรงพยาบาล ยังความกดดันทางอารมณ์ต่อพระองค์เป็นอันมาก หลังจากสามปีของสงครามกับเยอรมนี ความรู้สึกต่อต้านเยอรมนีท่ามกลางสาธารณชนในประเทศอังกฤษเพิ่มสูงขึ้น พระราชวงศ์รัสเซียซึ่งถูกขับออกจากราชสมบัติโดยรัฐบาลปฏิวัติ ได้รับการปฏิเสธการให้ที่ลี้ภัย โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระมเหสีของพระเจ้าซาร์ทรงเป็นชาวเยอรมันโดยกำเนิด ข่าวการสละราชสมบัติของพระเจ้าซาร์ทำให้เกิดการส่งเสริมให้มีการสละราชสมบัติในอังกฤษ ซึ่งต้องการให้ระบอบสาธารณรัฐเข้ามาแทนที่ระบอบกษัตริย์ หลังจากพวกสาธาณรัฐนิยมเอาภูมิหลังเยอรมันของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีมาเป็นการโต้แย้งเพื่อการปฏิรูป พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงเปลี่ยนชื่อของพระราชวงศ์อังกฤษเป็นวินด์เซอร์และสละพระอิสริยยศของเยอรมันทั้งหมด ส่วนพระประยูรญาติของพระราชินีทรงสละพระอิสริยยศของเยอรมันทั้งหมดและทรงใช้ราชสกุลอังกฤษ "แคมบริดจ์" ในปี พ.ศ. 2461 สงครามได้สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมนีและการสละราชสมบัติและการเสด็จลี้ภัยออกนอกประเทศของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งเยอรมนี

สองเดือนหลังการสิ้นสุดสงคราม พระโอรสองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีแมรี "จอห์นนี่ตัวน้อยที่รักผู้น่าสงสารของพวกเรา" สิ้นพระชนม์ขณะทรงพระชนมายุเพียง 13 พรรษา พระองค์ทรงบรรยายถึงความสะเทือนพระทัยและความโทมนัสของพระองค์ในสมุดบันทึก ที่บทความตอนหนึ่งได้ถูกตีพิมพ์ออกมาภายหลังจากการเสด็จสวรรคตของพระองค์

การสนับสนุนพระราชสวามีอย่างมั่นคงแน่วแน่ของสมเด็จพระราชินีแมรี่เข้มแข็งมากขึ้นในรัชกาลของพระองค์ พระองค์ได้ทรงแนะนำพระสวามีในเรื่องการกล่าวสุนทรพจน์ต่างๆ และได้ทรงนำความรู้อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และพระราชวงศ์มาแนะนำพระองค์ในเรื่องของบ้านเมือง พระองค์ทรงซาบซึ้งในความรอบคอบ ความเฉลียวฉลาดและการตัดสินพระทัยของสมเด็จพระราชินีแมรี่มาก

พระองค์ทรงคงความมั่นพระทัยในพระองค์อย่างไม่เสื่อมคลายตลอดการประกอบพระราชกรณียกิจในช่วงหลังสงคราม แม้จะมีความไม่สงบของประชาชนเกี่ยวกับเงื่อนไขของสังคม การประกาศอิสรภาพของไอร์แลนด์ และลัทธิชาตินิยมของอินเดีย

อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายทศวรรษ 1920 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ประชวรมากขึ้นเป็นลำดับ ทำให้สมเด็จพระราชินีแมรีต้องคอยทรงปรนนิบัติพระองค์ ในระหว่างการประชวรของพระองค์ในปี พ.ศ. 2471 เซอร์ ฟาร์กูฮาร์ บูซซาร์ด หนึ่งในแพทย์ประจำพระองค์ได้ถูกถามว่าใครเป็นผู้ช่วยชีวิตขององค์พระเจ้าอยู่หัว เขาตอบว่า "สมเด็จพระราชินี" ในปี พ.ศ. 2478 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชินีแมรีทรงจัดงานฉลองพิธีรัชดาภิเษก ด้วยการจัดงานเลี้ยงฉลองต่างๆ ทั่วทั้งจักรวรรดิอังกฤษ ในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรัชดาภิเษก สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แสดงความเคารพพระมเหสีต่อหน้าสาธารณชน ด้วยการตรัสกับคนเขียนสุนทรพจน์ว่า "ใส่ย่อหน้านั้นไว้ตรงท้ายสุด เราไม่เชื่อว่าเราจะสามารถพูดถึงพระราชินีได้เมื่อต้องนึกถึงสิ่งที่เราเป็นหนี้เธอทั้งหมด"

สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2479 หลังจากบารอน ดอว์สันแห่งเพนน์ แพทย์ประจำพระองค์ได้ฉีดมอร์ฟีนและโคเคน ซึ่งอาจจะเร่งการสวรรคตให้เร็วขึ้น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ พระราชโอรสองค์โตในสมเด็จพระราชินีแมรี่เสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และตอนนี้พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมราชชนนี ถึงกระนั้นก็มิได้ทรงใช้พระอิสริยยศมากนี้นัก แต่ทรงเป็นที่รู้จักว่า สมเด็จพระราชินีแมรี (Queen Mary)

ภายในปีนั้น กษัตริย์องค์ใหม่ทรงทำให้เกิดวิกฤติการณ์รัฐธรรมนูญด้วยการประกาศพระประสงค์ที่จะอภิเษกสมรสกับวอลลิส ซิมป์สัน สนมลับชาวอเมริกัน ที่หย่าร้างมาแล้วสองครั้ง สมเด็จพระราชินีแมรีมิทรงเห็นด้วยกับการหย่าร้างและทรงรู้สึกว่านางซิมป์สันไม่เหมาะกับการเป็นมเหสีของพระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง หลังจากทรงได้รับคำแนะนำจากสแตนเลย์ บาลด์วิน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรว่าพระองค์ไม่ทรงคงเป็นกษัตริย์และอภิเษกสมรสกับวอลลิส ซิมป์สันได้ พระองค์จึงสละราชสมบัติ แม้ว่าจะทรงซื่อสัตย์และให้การสนับสนุนพระโอรส แต่สมเด็จพระราชินีแมรี่มิทรงเข้าใจในมุมมองของพระองค์ว่าทำไมกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดจะละเลยภาระหน้าที่การเป็นกษัตริย์เพื่อความรู้สึกส่วนพระองค์เช่นนี้ ถึงแม้พระองค์ทรงพบกับวอลลิสที่ราชสำนักแล้ว แต่ภายหลังพระองค์ทรงปฏิเสธที่จะพบกับเธออีกไม่ว่าจะเป็นในที่สาธารณะหรือว่าเป็นการส่วนพระองค์ สมเด็จพระราชินีทรงให้การสนับสนุนตามหลักศีลธรรมกับเจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุกแห่งยอร์ก ซึ่งขี้อายและพูดติดอ่าง ให้เสวยราชสมบัติแทนที่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เป็นสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระองค์ก็ยังทรงร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์และพระราชินีองค์ใหม่ด้วย นับได้ว่าเป็นสมเด็จพระพันปีหลวงพระองค์แรกที่เคยปฏิบัติเช่นนี้ พระองค์ทรงผิดหวังกับสิ่งละทิ้งหน้าที่ของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดและพระองค์ไม่เคยทรงแปรเปลี่ยนความไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทรงรับรู้ว่าเป็นความเสียหายแก่ราชบัลลังก์ แต่ความรักของพระองค์ที่มีต่อกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดในฐานะที่เป็นพระราชโอรสยังคงเหมือนเดิม

สมเด็จพระราชินีแมรีทรงช่วยเหลืออย่างแข็งขันในการเลี้ยงดูพระราชนัดดาทั้งสองพระองค์คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธและเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต โรส ซึ่งพระชนกและพระชนนีทรงเห็นว่ามิจำเป็นที่ทั้งสองพระองค์จะต้องมีภาระหน้าที่จากระบบทางการศึกษาแบบบังคับ โดยนำทั้งสองพระองค์เสด็จประพาสยังสถานที่ต่างๆ ในกรุงลอนดอน เยี่ยมชมหอแสดงงานศิลปะและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 โปรดให้พระชนนีอพยพออกจากกรุงลอนดอน แม้ว่าพระราชินีแมรี่ยังทรงลังเล แต่ก็ได้ทรงตัดสินพระทัยที่จะไปประทับอยู่ที่ตำหนักแบดมินตันกับแมรี่ ซอเมอร์เซ็ต ดัชเชสแห่งโบฟอร์ต พระนัดดาซึ่งเป็นธิดาของอดอลฟัส ลอร์ดแคมบริดจ์ พระอนุชา พระองค์ ข้าราชบริพารสี่สิบห้าคนและสิ่งของเครื่องใช้ของพระองค์ที่ต้องใช้กระเป๋าสัมภาระเจ็ดสิบใบในการขนย้ายจากกรุงลอนดอนใช้เนื้อที่ในตำหนักทั้งหมด ยกเว้นแต่ห้องชุดของดยุกและดัชเชสอีกเจ็ดปีถัดไป คนที่บ่นกับการจัดของเป็นพวกข้าราชบริพาร ซึ่งคิดว่าตำหนักเล็กไป สมเด็จพระราชินีแมรี่ทรงสนับสนุนความอุตสาหะ ทำสงครามโดยเสด็จเยี่ยมกองทหารและโรงงานและทรงช่วยเก็บรวบรวมเศษซากวัตถุต่างๆ พระองค์ยังทรงให้คนนำรถไปส่งทหารที่ได้พบบนท้องถนน และทำให้พระนัดดาของพระองค์เกิดความรำคาญใจด้วยการมีเถาไม้เลื้อยโบราณขาดลงมาจากกำแพงของตำหนักแบดมินตัน ซึ่งพระองค์เห็นว่าเป็นอันตรายและไม่น่าดูชม ในปี พ.ศ. 2485 เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งเคนต์ พระราชโอรสองค์เล็กสิ้นพระชนม์จากอุบติเหตุทางเครื่องบินระหว่างทรงปฏิบัติราชการ ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จกลับตำหนักมาร์ลโบโรในปี พ.ศ. 2488 หลังจากสงครามในทวีปยุโรปสิ้นสุดลงจากการพ่ายแพ้ของนาซีเยอรมัน

สมเด็จพระราชินีแมรี่บางครั้งทรงถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแสวงหาศิลปวัตถุอย่างเอาจริงเอาจังสำหรับเป็นของสะสมในพระราชวงศ์ ในหลากหลายโอกาส พระองค์ทรงปรารภกับเจ้าของบ้านหรือบุคคลอื่นว่าพระองค์โปรดปรานกับสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของมาก เพื่อหวังว่าเจ้าของจะเต็มใจถวายให้โดยสมัครใจ

ความรู้อันกว้างขวางและการค้นคว้าในเรื่องสมบัติที่เป็นของสำนักการสะสมงานศิลป์หลวงของพระราชินีแมรี่ยังช่วยในการบ่งบอกประเภทของสิ่งประดิษฐ์หรืองานศิลป์ที่อยู่ผิดตำแหน่งมาหลายปี ดังตัวอย่างเช่น พระราชวงศ์ได้ให้มิตรสายชาวอังกฤษในสมัยก่อนๆ ยืมสิ่งของต่างๆ เหล่านั้นกับซึ่งยังไม่ได้รับกลับคืนมา ทันทีที่พระองค์ได้ระบุบ่งสิ่งของที่หายไปในรายการทรัพย์สินเล่มเก่า พระองค์จะทรงเขียนถึงผู้ที่ครอบครองอยู่เพื่อขอสิ่งของกลับคืน พระองค์ทรงเป็นนักสะสมวัตถุและรูปภาพที่กระตือรือร้นด้วยเส้นสายในพระราชวงศ์ เช่น พระองค์ทรงจ่ายการตีราคาในตลาดเปิดอย่างใจกว้างเมื่อทรงรับซื้อเครื่องเพชรจากนายหน้าของสมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงมาเรีย เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย และยังทรงจ่ายสามเท่าของการตีราคาเมื่อทรงซื้อ Cambridge Emeralds ของครอบครัวจากเลดี้คิลเมอร์รี สนมลับของเจ้าชายฟรานซิส พระอนุชาผู้ล่วงลับ

ในปี พ.ศ. 2495 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 เสด็จสวรรคต โดยเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สามที่สวรรคตก่อนสมเด็จพระราชินีแมรี่ และเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระราชนัดดาได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระองค์เสด็จสวรรคตในปีต่อมาด้วยโรคมะเร็งปอด (ซึ่งสาธารณชนทราบว่าเป็น "ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร") ขณะมีพระชนมายุ 85 พรรษา โดยมิได้ทรงเห็นพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในกรณีของการสวรรคตของพระองค์ สมเด็จพระราชินีแมรี่โปรดให้ทราบว่างานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกต้องไม่เลื่อนออกไป พระศพตั้งไว้ให้สักการะที่ห้องโถงใหญ่เวสต์มินส์เตอร์ ซึ่งกลุ่มพสกนิกรที่ไว้อาลัยเข้าแถวเดินผ่านโลงพระศพ พระศพของพระองค์ฝังอยู่ข้างพระราชสวามีตรงส่วนกลางของโบสถ์เซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

ลีโอ กาเมซ ดัสติน ฮอฟฟ์แมน จักรพรรดินีมารีเยีย อะเลคซันโดรฟนาแห่งรัสเซีย โอลิมปิก 2008 กีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน ครั้งที่ 24 การก่อการกำเริบ 8888 วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ ยุทธการแห่งบริเตน บีเซนเต เดล โบสเก โคเซ มานวยล์ เรย์นา เคซุส นาบัส คาบี มาร์ตีเนซ เฟร์นันโด โยเรนเต เปโดร โรดรีเกซ เลเดสมา เซร์คีโอ ราโมส ควน มานวยล์ มาตา บิกตอร์ บัลเดส ชูอัน กัปเดบีลา ชาบี ดาบิด บียา อันเดรส อีเนียสตา การ์เลส ปูยอล ราอุล อัลบีออล กัปตัน (ฟุตบอล) อีเกร์ กาซียัส สโมสรฟุตบอลบียาร์เรอัล 2000 Summer Olympics Football at the Summer Olympics Spain national football team Valencia CF S.L. Benfica Sevilla FC Villarreal CF Midfielder Defender (association football) เนวิลล์ ลองบัตท่อม เจ.เค. โรว์ลิ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ (ตัวละคร) บ็อบบี ร็อบสัน สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงแห่งเบลเยียม แอนดรูว์ จอห์นสัน อิกเนเชียสแห่งโลโยลา เจ. เค. โรว์ลิ่ง เวสลีย์ สไนปส์ ฟิลิปที่ 3 ดยุกแห่งเบอร์กันดี ยอดเขาเคทู สมาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Munhwa Broadcasting Corporation โจ อินซุง ควอน ซัง วู ยุน อึนเฮ รักวุ่นวายของเจ้าชายกาแฟ อุซึมากิ คุชินะ มาเอดะ อัตสึโกะ คิม ฮีชอล เจสสิก้า ซิมพ์สัน จาง เซี๊ยะโหย่ว พิภพ ธงไชย วิมล ศิริไพบูลย์ มหาธีร์ โมฮัมหมัด บอริส เยลซิน ออกแลนด์ เรนโบว์วอริเออร์ ฝ่ายพันธมิตร เด่น จุลพันธ์ เคอิทาโร โฮชิโน แมนนี่ เมลชอร์ ผู้ฝึกสอน ไมเคิล โดมิงโก ก. สุรางคนางค์ นิโคล เทริโอ ซีเนอดีน ซีดาน เริ่น เสียนฉี โจเซฟีน เดอ โบอาร์เนส์ โอดะ โนบุนากะ แยกราชประสงค์ แคชเมียร์ วีโต้ แอฟริกัน-อเมริกัน Rolling Stone People (magazine) TV Guide อินสตาแกรม Obi-Wan Kenobi Saturday Night Live The Lego Movie Jurassic World Guardians of the Galaxy (film) Her (film) แอนนา ฟาริส จอมโจรอัจฉริยะ จอมโจรคิด ตัวละครในฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน ตัวละครในฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน ลุยจี กอนซากา ครีษมายัน เจริญ วัดอักษร อลิซ บราวน์ อินิโก โจนส์ กาแอล กากูตา

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
เลขมงคล รถยนต์ ทะเบียน ทะเบียนรถ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23180